เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 27 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
บทนำ : .... คุณเชื่อจริงๆ น่ะเหรอกับตำนานงี่เง่าที่บอกว่าคำสาปทุกคำสาปจำเป็นต้องมีผู้ร่ายมันขึ้นมา ต้องควงไม้กายสิทธิ์ เปล่งคาถา ไม่ก็ฆ่าใครสักคนเพื่อให้เกิดแรงสาปแช่งชิงชังมากพอ .. รู้อะไรไหม เราเสียใจอย่างยิ่งที่จะต้องบอกว่าเรื่องราวพวกนั้นมันไร้สาระ มันเปลืองสมอง ความจริงที่สุดของโลกเบี้ยวๆ ใบนี้คือบางทีคำสาปแปลกๆ ก็เกิดขึ้นเองราวมาจากธรรมชาติ..ใช่แล้ว..มันไร้ซึ่งเหตุผล ไร้ข้อกำหนดตายตัวของยุคสมัย มันไม่ยอมจางหายไปเองตามกาลเวลา ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นพรจากฟ้าหรือของขวัญจากนรก ..อาจเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง อาจปราศจากคำพูดกับลมหายใจใดๆ ที่สำคัญอาจกำลังเฝ้ามองคุณด้วยแววตาชั่วร้ายและเป็นต่อทว่าคุณไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสมันได้ และไม่ว่าคุณจะเคยรับรู้หรือไม่ หน้าที่หลักของคำสาปคือเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตผู้ต้องสาปไปตลอดกาล .. ขออวยพรให้คุณโชคดีกับคำสาปที่ได้รับ .. สเวย์ปิดหนังสือปกสีม่วงแก่ในมือลงอย่างแรงแล้วขว้างมันออกไปจากเตียงนอน นี่เป็นตำราว่าด้วยคำสาปเล่มที่เกือบร้อยของเดือนที่เธอหามาอ่านเพื่อจะพบว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เลย ความเหมือนกันของหนังสือว่าด้วยคำสาป(ที่มีอยู่เหลือเฟือบนโลก)คือทุกเล่มจะแข่งกันร่ายคำบรรยายยืดยาว แบ่งภาคแบ่งตอนของคำสาปไว้เป็นยุคต่างๆ อย่างละเอียด เชื่อมโยงคำสาปเข้ากับสิ่งละอันพันละน้อยให้ดูยุ่งเหยิงเข้าไว้ สร้างโครงร่างของมันด้วยความคาดหวังว่าจะให้ดูสมจริงที่สุด(โดยลืมคำนึงถึงความน่าเบื่อในแบบที่ทำให้คุณอยากบุกไปเอาเงินค่าซื้อคืนทันทีที่อ่านได้แค่บทนำ) บอกกลวิธีร่ายคำสาป(ที่ไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือเปล่า)อย่างง่ายๆ อ้างอิงทุกข้อมูลจากแหล่งที่ดูเชื่อถือได้จริง แต่ไม่เคยมีเล่มไหนเลยที่พูดถึงวิธีจัดการกับผลข้างเคียงแสนวุ่นวายของมันเอาไว้ ไม่มีเลยจริงๆ ! ในคืนนั้น เสียงระฆังแผ่วจางจากโบสถ์ที่ไหนสักแห่งลอยผ่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามาให้ได้ยิน สเวย์กลอกตามองผ่านฝ้าเงาของความคิดฝันจางๆ ก่อนลุกขึ้นเดินอ้อมบาลาไลก้าตัวโปรดเพื่อไปคลี่ม่านสีฟ้าอ่อนให้ปิดลงมา ข้างนอกหิมะกำลังตก ท้องถนนสีขาวโพลนดูเดียวดายมากกว่าจะเหน็บหนาว ไม่มีใครออกจากบ้านตอนเที่ยงคืนเช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่าจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของกาลเวลาอยู่ที่ไหน เธอพยายามจะไม่คิดถึงกลิ่นไออบอุ่นของเปลวแดดแคริบเบียนที่วาดระบำไปมาเหนือผืนน้ำทะเลสีครามสดใส พยายามหลอกตัวเองว่าหมู่เรือและผู้คนมากมายเหล่านั้นเป็นแค่ความฝัน ... ก็แค่หมอกควันที่สักวันจะต้องสลายไป ...แต่ทุกครั้งที่เด็กสาวหลับตา ถ้อยคำกระซิบแผ่วเบาของคนพวกนั้นจะดังแว่วให้ได้ยิน เรียกชื่อเธอด้วยซุ่มเสียงคุ้นเคยทว่าแสนห่างไกล ไดอารี่สีน้ำทะเลถูกดึงออกมาจากลิ้นชัก สเวย์พลิกหน้ากระดาษหม่นๆ เหล่านั้นเพื่อจะเปิดไปยังแผ่นที่ว่างอยู่ในตอนท้ายๆ แล้วของเล่ม เด็กสาวหยิบปากกาขึ้นจรดกับความว่างเปล่า นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ของวันทั้งวันตั้งแต่เช้า ... 17 พฤษภาคม ... แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในความรู้สึก หนึ่งปีเต็มมาแล้วนับตั้งแต่เรื่องราวต่างๆถูกถ่ายทอดลงในบันทึกเล่มนี้ สเวย์พลิกหน้ากระดาษกลับไปยังแผ่นแรกสุดของไดอารี่ ... 17 พฤษภาคมปีที่แล้ว ... หนูไม่ผิดจ้ะสเวย์ ผู้หญิงในวัยกลางคนอ้าแขนสวมกอดเด็กสาวไว้ น้ำเสียงของเธอสั่นน้อยๆ ขณะปรายตามองกลับไปยังกลุ่มคนที่ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าหลุมศพ มันเป็นอุบัติเหตุลูกรัก ตอนนั้นสายฝนกำลังโปรยปรายใส่เหล่าคันร่มสีดำ ซุ่มเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวกังวานไปทั่วสุสานแห่งนั้นเนิบช้า..เศร้าสร้อย แม้ว่าคำบอกลาจะฟังเจ็บปวดในความรู้สึกอยู่แล้วแต่บทสวดส่งวิญญาณให้กับผู้เดินทางไกลชั่วนิรันดร์กลับฟังรวดร้าวยิ่งกว่า ราวกับมันถูกเปล่งออกมาจากเยื่อฟั่นหัวใจของผู้ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ราวกับกำลังฉีกทึ้งความทรงจำยามมีชีวิตอยู่ของเรือนร่างในโลงไม้ให้แหลกสลายไปในความว่างเปล่ายาวนาน คำสาปของหนูฆ่าเค้า สเวย์กระซิบขณะซุกหน้าลงกับฝ่ามือ หนูเป็นฆาตกร น้ำตาอุ่นๆ ไหลลงมาจากประกายตาสีน้ำตาล สั่นระริกเป็นทางตามเรียวแขนและหยดกระทบเศษใบไม้มากมายเหนือเม็ดดินในสุสาน ถึงใครจะจ้องตาเธอแล้วพร่ำพูดปลอบใจอย่างไร หรือต่อให้ป้ายจารึกบนหลุมศพกระโดดขึ้นมาป่าวประกาศว่านั่นคือเรื่องสุดวิสัยจริงๆ มันก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว สเวย์เกลียดตัวเอง เกลียดอำนาจจากคำสาปที่ออกฤทธิ์เวียนว่ายอยู่ตามเลือดทุกหยดในร่างกายของเธอ บางครั้งมันอาจไม่ส่งผลให้เกิดเหตุร้ายแรงอะไร แต่หลายครั้งที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต อุบัติเหตุบ้าๆ ที่เกิดกับเหล่าคนที่รู้ความลับของคำสาปดูจะเพิ่มมากขึ้นตามขวบปีที่ล่วงเลยไป ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ชีวิตของเธอถูกลิขิตให้แตกต่าง แต่เด็กสาวก็ไม่อยากเห็นเลือดกับการสูญเสียอีกแล้ว ... เธอคือผู้ต้องคำสาปคนสุดท้ายแห่งศตวรรษ ... เอาล่ะ เราจะไปจากที่นี่ แม่บอกเป็นคำสุดท้ายก่อนจูงมือลูกสาวที่กำลังกลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้งออกมาจากสุสาน เราตกลงกันเมื่อคืน ซัมเมอร์ของเราจะอยู่ที่แคริบเบียน แคริบเบียน... สเวย์เหลือบตาขึ้นมองแม่ของตนแล้วทวนคำช้าๆ ทะเลงั้นเหรอคะ ในวันที่อะไรๆ ก็ไม่ค่อยจะเข้าท่านักโดยเฉพาะความรู้สึกด้านจิตใจ ครอบครัวของสเวย์ดูจะคิดถึงเกาะสวรรค์อย่างแคริบเบียนเป็นอย่างแรก น้ำทะเลใสๆ ตัดกับหาดทรายขาวและฟ้าสีครามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดผู้คนได้เรื่อยมา นี่ยังไม่นับตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับโจรสลัดที่พ่อพร่ำพูดถึงว่ามันเยี่ยมแค่ไหนมาตลอดทางในรถหรือเรือโบราณที่เพิ่งถูกค้นพบและจัดประมูลยั่วใจแม่หรอกนะ สเวย์ว่าการไปครั้งนี้ออกจะเหลือเชื่อก็ว่าได้ พ่อกับแม่ของเธอน่ะลงตัวกันดีซะที่ไหน แต่ละคนล้วนงานยุ่งและไม่ค่อยพูดจาดีๆ ใส่กัน กำลังอยู่ในช่วงที่เธอแอบเรียกว่า ฟางเส้นสุดท้าย สเวย์เองกำลังอยู่ในช่วงภาวะพักฟื้นของจิตใจ เธอพยายามมองหาสีสันมาเติมแต่งอารมณ์ความรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องของคำสาปบ้าๆ เหล่านั้น พ่อกับแม่วางแผนแรกของการตระเวนรอบเกาะไว้ที่ตลาดขายสินค้าริมทะเลเลื่องชื่อของเมืองนี้... สเวย์รู้สึกดีที่ได้รู้แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้อยู่ในวัยของเด็กเล็กๆที่อยากเดินเที่ยวตลาดตามพ่อแม่ต้อยๆ อีกแล้ว คำบอกเล่าถึงของเก่าร้อยปีที่มีให้เลือกซื้อหาตามร้านในรอยทรายที่นี่เรียกความสนใจจากเธอไม่ได้ เด็กสาวถือคติที่ว่า ของโบราณก็ควรอยู่ส่วนของโบราณและเธอจะอยู่ในส่วนของเธอ การรีบปลีกตัวออกไปเดินเล่นและสงบความพลุ่งพล่านในใจคนเดียวที่ชายหาดจึงเป็นทางเลือกที่วิเศษสุดสำหรับตอนนี้... ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่าเทพีแห่งความหวังทำงานได้ยอดเยี่ยมเสมอในแคริบเบียน และเกาะสวรรค์เล็กๆแห่งนี้ก็อ่อนโยนเกินกว่าจะบันดาลความผิดหวังแก่หัวใจและสายตาของนักท่องเที่ยวได้ พระเจ้ารู้ว่ามันสร้างมนต์ขลังอย่างประหลาดต่อความรู้สึก ถักทอลึกซึ้งในความงดงามของสถานที่และกลิ่นอายลึกลับแบบยุคสมัยก่อนเก่าที่ยากจะอธิบาย ..สายลมตะวันตกอบอวลอยู่ในสายลมตะวันออก มีประวัติศาสตร์ยาวนานกับห้วงเวลาไม่รู้สิ้นสุดบรรจบกันในโลกไร้โมงยามระหว่างห้วงน้ำกับโค้งฟ้า.. สเวย์พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในยามเย็นย่ำสีน้ำตาลอมทอง แสงสลัวสุดท้ายของวันกรีดระบำผ่านความสับสนวุ่นวายไปสู่ดินแดนสนธยาเงียบสงบ ปุยเมฆสีกุหลาบพัดพาละอองของน้ำทะเลขึ้นสู่ฟากฟ้าและหายลับไปกับไอฝุ่นร้อยสายใต้แสงตะวัน ..หาดทรายทั้งหาดทอดยาว.. เปลี่ยนสีตัวเองจากขาวบริสุทธิ์เป็นเหลืองอร่ามราวหล่อหลอมจากทองคำนับล้าน คุ้งคลื่นกลางมหาสมุทรเพรียกฟองกระจัดกระจายก่อนจะค่อยๆ ซบตัวทอดกับผืนทรายอย่างแผ่วเบาเมื่อสัมผัสถึงความคุ้นเคยที่จารจำมาแล้วกว่าชั่วนิรันดร์ สเวย์ย่อตัวลง พับขาลีวายสีเดียวกับทะเลขึ้นสูงถึงเข่าแล้วเริ่มใช้มือกอบทรายมากองเพื่อสร้างเป็นสิ่งที่ผู้คนเรียกขานกันว่าปราสาท ทุกครั้งที่น้ำพัดมา ทรายทุกเม็ดก็มักละลาย ว่ากันว่าปราสาทแบบนั้นจะมั่นคงอยู่ได้แค่ในดินแดนของความเยาว์วัย เด็กๆ ทุกคนใช้หัวใจเปี่ยมจินตนาการเดินทางไปเยือนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับหลงลืมทางเข้าไปเสียสนิทเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สเวย์ไม่เคยลืมดินแดนแห่งความคิดฝันเหล่านั้น เพียงแต่รู้ว่ายากเหลือเกินแล้วที่จะย้อนกลับไปสัมผัสได้ อีกครั้ง ... ความทรงจำเหมือนสายน้ำ ไหลรินไม่รู้จบอยู่ข้างใน และบางทีก็เอ่อล้นขึ้นมาจับที่ขอบดวงตา ...เธอหยิบเปลือกหอยสีม่วงที่ลอยหลงทางมาเกยตื้นขึ้นจากทราย บรรจงติดมันเข้ากับกำแพงปราสาทเพื่อเป็นประตูบานโค้งแสนสวย ..ภายในพระราชวังแห่งนี้ยิ่งใหญ่และว่างเปล่า เต็มไปด้วยห้องหับที่ปราศจากผู้อยู่อาศัย แต่ใครกันเล่าจะใช้เวลาชั่วกัปชั่วกัลป์อยู่ในสถานที่แบบนี้ได้? ตอนนั้นเองที่แสงสีขาวเจิดจ้าส่องมากระทบสายตาของสเวย์ เด็กสาวเหลือบมองตามไปอย่างงงๆ พลางคาดหวังว่าใครสักคนอาจกำลังเล่นตลกด้วยกระจกเงาสะท้อนแสงบานใหญ่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หาดทรายทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเพราะพบว่าแสงนั่นสะท้อนมาจากอะไรบางอย่างที่โขดหินกลางทะเล ...ที่นั่นไม่มีใครอยู่สักคน... แต่ลำแสงมีสีขาวมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา ที่สำคัญมันราวกับมีปากร้องเรียกเธอได้ ราวกับแสงกำลังใช้สายตาตัดพ้อว่ามันรอคอยเธอมานานแสนนานแค่ไหน ที่แห่งนั้น.. มีเวทย์มนตร์ประหลาดที่สามารถสะกดทุกความรู้สึกนึกคิดในจิตใจ และสะกดร่างกาย ให้ก้าวขาเดินลงไปในทะเลอย่างช้าๆ ปราศจากสติควบคุม ไม่นานระดับน้ำก็สูงขึ้นเรื่อยๆ จากขาถึงท้อง จากท้องถึงอก และเมื่อระดับน้ำสูงถึงคาง สเวย์ก็เปลี่ยนเป็นออกว่ายอย่างเอาเป็นเอาตายแทน ดวงตาของเธอฉายแววประหลาดและจับจ้องอยู่เพียงแสงวาวจากโขดหินลึกลับโขดนั้น ความเค็มของเกลือถมให้โลกใต้น้ำแทบจะกลายเป็นสุญญากาศ ปราศจากน้ำหนักและการคาดคำนวณใดๆ มีเพียงฝูงปลาที่รู้ว่าไกลแค่ไหนแล้วที่สเวย์ว่ายออกมาจากอาณาเขตของมนุษย์ ..มีเพียงพวกมันเท่านั้นเพราะแม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวในแบบที่ควรจะรู้สึกได้ ...แสงแดดจัดจ้าจางหายไปแล้วตอนที่สเวย์ว่ายไปถึงโขดหิน ฟ้าทั้งฟ้าไล่สีตัวเองจากม่วงแดงเป็นน้ำเงินเข้มในที่สุด เด็กสาวหอบหายใจ ใช้ปลายนิ้วเล็กๆ เกาะรอบพื้นหินตะปุ่มตะป่ำเพื่อยึดไว้ไม่ให้ตัวจม เธอวางใบหน้าพิงกับโขดอย่างเหนื่อยอ่อนพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ... ขวดแก้วใบนั้นฝังอยู่ในเนื้อหินราวกับเด็กหลงทางที่ถูกทอดทิ้งไว้ และมันร่ายยิ้มต้อนรับให้เธอ พลางบอกเล่าว่าที่นี่คือบ้านของการรอคอยร้อยพันปี ...ตัวขวดเองเต็มไปด้วยอัญมณีล้ำค่าที่ถูกหล่อหลอมประทับลงไปจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน สเวย์จ้องมองมันด้วยความรู้สึกทึ่งจัด เธอสลัดหน้าไปมาเร็วๆ เหมือนลูกหมาสลัดน้ำ ของที่ดูมีค่าอย่างนี้..มาติดอยู่ในที่บ้าๆบอๆ แบบนี้..เนี่ยนะ? เด็กสาวปีนขึ้นไปนั่งบนโขดหิน พยายามแกะขวดใบนั้นออกมาจากเนื้อตะไคร่เขียวทึบและทำได้สำเร็จในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา เธอชูขวดขึ้นสูง ปล่อยให้แสงสลัวลางลำสุดท้ายส่องทะลุผ่านความโปร่งใสจนเกิดประกายสีขาวจ้าอีกครั้ง ภายในขวดบรรจุไปด้วยม้วนกระดาษเก่าๆ สีน้ำตาลแก่ที่ดูขัดกับยุคสมัยและสายตา เท่าที่เธอคาดคะเนเอาจากภายนอกนั้นมันคงไม่ได้เปียกน้ำเลยสักนิดเดียว มีจุ๊กไม้ค็อกรูปทรงโบราณทำหน้าที่ปิดปากขวดไว้อย่างแน่นหนาอีกชั้นหนึ่งสเวย์ดึงจุกไม้ค็อกออกและล้วงนิ้วลงไปหยิบม้วนกระดานั้นออกมาคลี่ดูอย่างระมัดระวัง สายลมกลางมหาสมุทรพัดแรงมาก เธอพยายามปัดเส้นผมสีเข้มที่ปลิวมาเคลียบนใบหน้าออกไป ... ม้วนกระดาษที่ถูกคลี่สั่นเร่าอยู่ในมือของเด็กสาว ขณะที่เหนือขึ้นไปดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเต้นประกายระริกยิ่งกว่า .. .มีอะไรมากมายถูกวาดเรียงรายด้วยน้ำหมึกสีครามเข้มบนแผ่นกระดาษ ...ทั้งเส้นทางการเดินเรือ เกาะแก่งน้อยใหญ่มากมาย แนวปะการัง สันดอนทราย ย่านน่านน้ำอันตราย หลุมวังน้ำวน ทิศทางลม สัญลักษณ์ต่างๆ และ... ที่ซ่อนขุมทรัพย์!~ ....แผนที่ล่าขุมทรัพย์....ทันใดนั้นเอง เสียงนกทะเลที่เคยกรีดร้องอยู่ไกลๆ ก็เริ่มเงียบหาย ทะเลทั้งผืนกลายเป็นแผ่นน้ำแช่แข็งที่ปราศจากคลื่นลมและความเคลื่อนไหว ..โลกทั้งโลกหยุดหมุน เข็มนาฬิกาแห่งสรรพสิ่งไม่อาจดำเนินต่อไป .. กงล้อแห่งโชคชะตาถูกมนต์อำนาจลึกลับหมุนย้อนกลับหลังอย่างช้าๆ ..สเวย์รับรู้ความผิดปกตินั้นและเริ่มได้สติว่าควรจะกลับฝั่ง เธอรีบใส่แผนที่กลับลงในขวดแก้วพลางตรวจดูจนแน่ใจว่าจุกไม้ค็อกจะไม่ปล่อยให้น้ำทะเลซึมผ่านเข้าไปได้ เด็กสาวลุกขึ้นยืนบนเท้าทั้งสองข้าง ในมือกำขวดแก้วไว้แน่น อ้าปากสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอดเพื่อเตรียมมกระโดดลงไปในทะเลอีกครั้ง แสงไฟจากอาคารบ้านเรือนต่างๆบนชายหาดส่องประกายวับแวมราวดวงดาวที่ผุดขึ้นเหนือลานดิน เธอควรรีบว่ายกลับเข้าฝั่ง กลับเข้าไปนั่งจิบโรบัสต้าอุ่นๆ บนโซฟาของโรมแรมกับพ่อและแม่พลางเล่าเรื่องขวดประหลาดนี้ให้พวกท่านฟัง อ้อนขอเช่าเรือใบลำเล็กๆ เพื่อใช้แล่นออกไปสำรวจตามเกาะต่างๆ ในแผนที่อย่างสนุกสนาน และบางทีถ้าโชคเข้าข้างเธออาจได้ค้นพบสมบัติโจรสลัดที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มานานนับร้อยปีณ.ที่ไหนสักแห่งในแคริบเบียนก็เป็นได้ แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่ทุกสิ่งจะมีโอกาสเกิดขึ้นจริง สายลมลึกลับก็พัดโถมเข้าใส่สเวย์จนเธอเสียหลักล้มลงที่เดิม ความแรงของมันเกรี้ยวกราดราวกับพายุลูกย่อมๆ ที่กดร่างระหงให้นอนตรึงอยู่เช่นนั้นอย่างไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหน สเวย์อ้าปากกรีดร้องด้วยความตกใจแต่ลมหอบเสียงหายไปหมดสิ้น... ภาพผู้คนในยุคสมัยต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้นต่อหน้าต่อตาของเธอ ..พวกเขาหัวเราะและร้องไห้ ..ดื่มกินและเต้นรำ ..เกิดขึ้นและตายลงไม่รู้จักจบสิ้น ผู้คนเหล่านั้นหมุนคว้างเป็นวงกลม ในที่สุดก็พัดผ่านหางตาของเธอไปด้วยความรวดเร็วล้านปีแสง ..กลุ่มควันสีม่วงทึบเริ่มปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป มันเคลื่อนเข้ามาห้อมล้อมคลองจักษุของผู้ต้องคำสาปคนสุดท้ายจนฟ้าทั้งผืนมีเพียงโทนสีลึกลับโทนนั้น.. เสียงดนตรีล่องหนของมนต์มายาจากต่างถิ่นกำลังบรรเลงจังหวะเร่งเร้าให้มโนสำนึกพร่าหาย มันกรรโชกเสียงสูงและดุดันแล้วกลับทิ้งตัวลงอีกครั้งอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุด หมุนเวียนเรื่อยไปจากจักรวาลหนึ่งสู่อีกจักรวาลหนึ่งของอดีตและอนาคตที่กำลังไหลมาบรรจบกันณ.โลกสีฟ้าใบเดิม แล้วในที่สุด สิ่งสุดท้ายที่สเวย์รับรู้ก่อนหลับไปคือฝูงผีเสื้อราตรีสีม่วงนับพันนับหมื่นตัวที่บินวนเวียนปกคลุมทุกสิ่งจากสายตา....
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านร้านรักการ์ตูน รับซื้อหนังสือมือสองนิยาย วรรณกรรม และการ์ตูนมือสองสภาพดี
ร้านรักการ์ตูน รับซื้อหนังสือมือสองนิยาย วรรณกรรม และการ์ตูนมือสองสภาพดี
ร้านรักการ์ตูน รับซื้อ-ขายนิยาย วรรณกรรม และการ์ตูนมือสองสภาพดี มีบริการรับซื้อถึงที่ สูงสุด 30 เปอเซ็นต์จากราคาปก
เบอร์โทร : 0897890036
อีเมล : rakcartoon@outlook.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม